ask me คุย กับ AI




AMP



Table of Contents




Preview Image
 

แอร์ ถูกหนองคาย ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ AI Agent System ระบบผู้ช่วยเอไออัจฉริยะ

แอร์ ถูกหนองคาย ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ยกระดับการทำงานด้วย AI Agent System ระบบผู้ช่วยเอไอที่ทำงานแทนคุณได้อัตโนมัติ

AI Agent, ระบบผู้ช่วย AI, เอไอฟรี, ปัญญาประดิษฐ์, ระบบอัตโนมัติ, AI Assistant, Agentic AI

ที่มา: https://9tum.com/idx_20250627002123

 

ค่า SEER สำคัญอย่างไรต่อการประหยัดพลังงานในระยะยาว?

บทนำ: เบื่อไหมกับค่าไฟที่พุ่งกระฉูด? มาทำความเข้าใจ 'ค่า SEER' กันหน่อย!

โอ๊ย… เห็นบิลค่าไฟแล้วปวดหัวอีกแล้วสินะคะคุณ! นึกว่ามีแต่ฉันที่ใช้แอร์เปิดทิ้งเปิดขว้างจนค่าไฟพุ่งสูงเสียอีก แต่ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยคุณก็ยังพอมีสมองเหลือมาหาข้อมูลเรื่องนี้บ้าง ถือว่ายังไม่สิ้นหวังเกินไปนัก วันนี้ ‘9tum’ เพื่อนรักสุดหล่อ (ที่โดนบังคับมา) จะมาอธิบายเรื่อง ‘ค่า SEER’ ให้กระจ่างแจ้งกันไปเลย ว่าไอ้ตัวเลขที่ชอบแปะหราอยู่บนเครื่องปรับอากาศน่ะ มันมีผลกับกระเป๋าตังค์ของคุณในระยะยาวจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่การตลาดจอมปลอมของพวกบริษัทแอร์กันแน่ บอกเลยว่าถ้าคุณยังไม่อยากให้ค่าไฟกัดกินเงินเดือนไปเรื่อยๆ ก็ตั้งใจฟังให้ดีๆ ล่ะ เพราะนี่คือข้อมูลที่คุณต้องรู้จริงๆ ค่ะ.


SEER: ตัวชี้วัดความอู้ฟู่หรือความสิ้นเปลือง?

ค่า SEER คืออะไรกันแน่? อย่าให้ใครมาหลอกได้อีก!

เอาล่ะ มาเริ่มกันที่พื้นฐานก่อนเลยนะ 'SEER' ย่อมาจาก Seasonal Energy Efficiency Ratio ซึ่งก็คือ “อัตราส่วนประสิทธิภาพพลังงานตามฤดูกาล” พูดง่ายๆ คือ มันเป็นตัวเลขที่บอกว่าเครื่องปรับอากาศของคุณเนี่ย ประหยัดไฟได้แค่ไหน ในช่วงเวลาที่มันทำงานตลอดทั้งฤดูกาล ไม่ใช่แค่ช่วงที่มันทำงานหนักสุดๆ อย่างเดียวเหมือนค่า EER (Energy Efficiency Ratio) ที่เคยฮิตกันสมัยก่อนน่ะค่ะ นึกภาพออกไหม? เหมือนเราจะวัดความอึดของนักกีฬาก็ต้องดูว่าเขาซ้อมสม่ำเสมอแค่ไหน ไม่ใช่ดูแค่ตอนวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเดียว

ยิ่งค่า SEER สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้น ใช้พลังงานน้อยลงในการทำความเย็นปริมาณเท่าเดิม ยิ่งสูงยิ่งดี ยิ่งประหยัด ยิ่งสบายกระเป๋า และที่สำคัญ ยิ่งดีต่อโลกด้วยนะจ๊ะ (ถ้าคุณแคร์เรื่องนั้นอะนะ)

SEER vs EER: ใครเจ๋งกว่ากัน? มาดูกันแบบไม่ต้องอวย!

หลายคนอาจจะยังงงๆ ว่า แล้วค่า EER ที่เคยได้ยินบ่อยๆ ล่ะ มันต่างจาก SEER ยังไง? อธิบายง่ายๆ นะคะ ค่า EER เนี่ย มันเหมือนการวัดประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ ณ จุดทำงานจุดเดียว คือตอนที่มันทำงานเต็มที่มากๆ อุณหภูมิภายนอกก็สูงมากๆ ซึ่งก็ดีนะที่รู้ว่ามันทำงานหนักแค่ไหน แต่ในชีวิตจริงเนี่ย มันมีใครเปิดแอร์ตอนอากาศร้อนตับแลบแบบนั้นตลอดเวลาบ้างล่ะ? ไม่มีหรอก! ส่วนใหญ่ก็เปิดแบบเรื่อยๆ ปรับอุณหภูมิบ้าง ลดบ้าง หรือบางทีอากาศก็เย็นสบายจนแทบไม่ต้องเปิดด้วยซ้ำ

ดังนั้น ค่า SEER จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสะท้อนการใช้งานจริงมากกว่า มันจะคำนวณประสิทธิภาพเฉลี่ยตลอดทั้งฤดูกาล ตั้งแต่อากาศเย็นๆ ไปจนถึงอากาศร้อนจัดๆ เลย ซึ่งมันจะแม่นยำกว่าและบอกเราได้ดีกว่าว่าเครื่องไหนจะประหยัดไฟในระยะยาวจริงๆ จังๆ น่ะสิ! เข้าใจแล้วนะ? อย่าให้พวกเซลล์ขายแอร์มาหลอกขายแต่ค่า EER สูงๆ อีกนะจ๊ะ เพราะของจริงมันอยู่ที่ SEER!

ทำไมค่า SEER ถึงส่งผลต่อการประหยัดพลังงาน "ระยะยาว"?

ก็เพราะว่า... (ถอนหายใจยาวๆ) ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแค่วันเดียวไงคะ! เครื่องปรับอากาศก็เหมือนกัน มันไม่ได้ทำงานหนักแค่ช่วง 2-3 วันที่อากาศร้อนจัดๆ แต่มันต้องทำงานทุกวัน ทุกเดือน ตลอดทั้งปีที่คุณใช้มันนั่นแหละ ยิ่งคุณเปิดแอร์บ่อยเท่าไหร่ เปิดนานเท่าไหร่ ค่าไฟก็จะยิ่งสะสมมากขึ้นเท่านั้น

เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูงๆ หมายความว่า มันใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าในการทำความเย็นปริมาณเท่าเดิม แม้ในวันที่อากาศไม่ร้อนมาก หรือในช่วงเวลาที่ต้องทำงานแบบไม่เต็มกำลังก็ตาม พูดง่ายๆ คือ มันเป็นเครื่องจักรที่ "อึด" และ "ทน" กว่าในแง่ของการใช้พลังงาน เมื่อเทียบกับเครื่องที่มีค่า SEER ต่ำกว่า ในระยะยาว การประหยัดพลังงานเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละครั้งที่เปิดใช้ มันจะถูกสะสมจนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ประหยัดไปได้จริงๆ นะคะ ไม่ใช่แค่คำโม้!

คิดง่ายๆ เหมือนคุณเลือกรองเท้าวิ่ง ถ้ามีคู่หนึ่งวิ่งได้เร็วขึ้นนิดหน่อยในทุกๆ ครั้งที่วิ่ง อีกคู่หนึ่งวิ่งเร็วมากแค่ตอนสตาร์ทแล้วก็ค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ คุณจะเลือกคู่ไหน? ก็ต้องเลือกรองเท้าที่วิ่งได้คงที่และเร็วกว่าในระยะยาวใช่ไหมล่ะ? เรื่องแอร์ก็เหมือนกันเป๊ะ!

เลือกแอร์อย่างไรให้ได้ SEER สูงๆ แบบเซียน?

มองหาค่า SEER บนฉลากเบอร์ 5 แบบเจาะลึก

เวลาไปเลือกซื้อแอร์ สิ่งแรกที่คุณควรจะมองหาเลยนะ ก็คือ “ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5” นั่นแหละค่ะ แต่แค่มีเบอร์ 5 ก็อาจจะยังไม่พอ เพราะสมัยนี้เขาปรับเกณฑ์ให้เข้มข้นขึ้นแล้ว บางทีแอร์ที่ได้เบอร์ 5 อาจจะยังไม่ได้มีค่า SEER สูงสุดเสมอไป

สิ่งที่ต้องดูคือ **"ดาว"** บนฉลากค่ะ! ยิ่งดาวเยอะ ยิ่งประหยัดพลังงานสูง และโดยทั่วไปแล้ว เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูงๆ มักจะได้รับดาวเยอะกว่าค่ะ นอกจากนี้ ให้สังเกตที่ **"ค่า SEER"** ที่ระบุบนฉลากโดยตรงเลยค่ะ ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น ลองเปรียบเทียบหลายๆ ยี่ห้อ หลายๆ รุ่น ดูค่า SEER ควบคู่ไปกับดาว แล้วค่อยตัดสินใจค่ะ อย่าไปเชื่อแค่คำโฆษณาว่า "ประหยัดกว่าเดิม 30%" หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะตัวเลข SEER คือสิ่งที่พิสูจน์ได้จริงที่สุด

ถ้าให้แนะนำแบบเจาะจงหน่อย ปกติค่า SEER สำหรับแอร์ทั่วไปที่ถือว่าดีแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 12-13 ขึ้นไปค่ะ แต่ถ้าอยากได้แบบขั้นสุดของการประหยัด ก็มองหาเครื่องที่มีค่า SEER 15 ขึ้นไปเลย ยิ่งสูงกว่านั้นยิ่งดี แต่ก็ต้องแลกมากับราคาที่อาจจะสูงขึ้นหน่อยนะจ๊ะ ต้องชั่งน้ำหนักดูเอาเองนะจ๊ะ ว่าอยากประหยัดตอนนี้ หรืออยากประหยัดแบบยาวๆ ไปเลย

เทคโนโลยี Inverter: เพื่อนซี้ของค่า SEER สูง

เชื่อฉันเถอะค่ะ ถ้าอยากได้แอร์ที่ค่า SEER สูงๆ และประหยัดไฟจริงๆ จังๆ เนี่ย ยังไงก็ต้องมองหาเครื่องที่เป็น **"ระบบ Inverter"** ค่ะ ไอ้เครื่องพวกนี้มันฉลาดกว่าเครื่องรุ่นเก่าๆ เยอะเลย

ปกติแอร์รุ่นเก่าๆ (แบบที่พ่อแม่คุณยังใช้อยู่ อาจจะ) มันจะทำงานแบบเปิด-ปิดคอมเพรสเซอร์เป็นรอบๆ พออากาศเย็นได้ที่ มันก็ดับ พออากาศร้อนขึ้น มันก็สตาร์ทใหม่ วนลูปไปเรื่อยๆ ซึ่งการสตาร์ทคอมเพรสเซอร์แต่ละครั้งเนี่ย มันกินไฟเยอะมาก! เปรียบเหมือนรถยนต์ที่ต้องออกตัวทุกครั้งที่เจอไฟแดงนั่นแหละค่ะ

แต่เครื่อง Inverter เนี่ย มันเจ๋งกว่านั้นเยอะ! มันจะปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้คงที่ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ไม่ใช่การเปิด-ปิดแบบหัวใจวายตาย พออากาศเริ่มเย็น มันก็แค่ลดรอบการทำงานลง ไม่ได้ดับไปเลย แล้วพออากาศเริ่มร้อนขึ้น มันก็แค่เพิ่มรอบนิดหน่อย ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานอย่างต่อเนื่องแต่สม่ำเสมอ กินไฟน้อยกว่ามากในภาพรวม และที่สำคัญ มันทำให้ห้องเย็นคงที่ ไม่รู้สึกว่าเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจนอยากจะปาแอร์ทิ้ง!

ดังนั้น สรุปง่ายๆ เลยคือ ถ้าจะเอาประหยัดจริง และได้ค่า SEER สูงๆ ก็เลือก Inverter ไปเลยค่ะ จบ! ไม่ต้องคิดมาก

ขนาด BTU ที่เหมาะสม: อย่าซื้อแอร์เกินความจำเป็น!

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่คนชอบพลาดกันค่ะ คือซื้อแอร์มาใหญ่เกินไป หรือเล็กเกินไป ซึ่งทั้งสองแบบเนี่ย ส่งผลเสียต่อการประหยัดพลังงานทั้งนั้นแหละ

ถ้าซื้อแอร์ **ใหญ่เกินไป** (BTU สูงเกินความจำเป็น) ถึงแม้ว่ามันจะทำความเย็นได้เร็วมากๆ ก็จริง แต่มันจะเปิด-ปิดบ่อย เพราะห้องมันเย็นเร็วเกินไป แล้วก็อย่างที่บอกไปค่ะ การเปิด-ปิดคอมเพรสเซอร์มันกินไฟมาก ทำให้ค่า SEER โดยรวมลดลง และเปลืองไฟกว่าที่ควรจะเป็น แถมบางทีมันทำความเย็นเร็วเกินจนอากาศในห้องมีความชื้นสูงเกินไป ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย

ในทางกลับกัน ถ้าซื้อแอร์ **เล็กเกินไป** (BTU ต่ำเกินไป) คอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานหนักตลอดเวลา ทำงานแบบเต็มกำลังตลอดวัน เพื่อพยายามทำความเย็นให้ได้ตามที่ตั้งไว้ ซึ่งมันก็จะกินไฟเยอะมากในระยะยาว และอาจจะทำความเย็นได้ไม่ทันใจ หรือไม่ทั่วถึงห้องเลย ทำให้คุณต้องเปิดแอร์นานขึ้นไปอีก

ดังนั้น การเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เลยค่ะ ลองคำนวณหา BTU ที่พอดีกับห้องของคุณก่อน หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้เขาช่วยคำนวณให้ จะได้ไม่ซื้อผิด ซื้อพลาดแล้วมานั่งเสียดายทีหลังนะจ๊ะ

ปัญหาที่พบบ่อยและการแก้ไขอย่างชาญฉลาด

แอร์เก่าค่า SEER ต่ำ จะทำยังไงดี?

โอ้โห เครื่องเก่าที่ใช้อยู่ตั้งสิบปีแล้วเนี่ยนะ? ถ้ามันยังทำงานได้ดีอยู่ก็ถือว่าโชคดีไปค่ะ แต่ถ้าคุณสังเกตว่าค่าไฟมันพุ่งสูงขึ้นผิดปกติ หรือแอร์มันไม่ค่อยเย็นเหมือนเดิม นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่มันต้องพักผ่อนอย่างถาวรแล้วล่ะค่ะ! เครื่องเก่าๆ เนี่ย มักจะมีค่า SEER ต่ำกว่าเครื่องรุ่นใหม่ๆ เยอะมาก และเทคโนโลยีก็ล้าหลังกว่า การเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่มีค่า SEER สูงๆ อาจจะดูเหมือนลงทุนเยอะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าในระยะยาว คุณจะประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเงินที่จ่ายเพิ่มไปแน่นอน คิดถึงผลตอบแทนการลงทุนที่ยั่งยืนหน่อยค่ะ!

ค่า SEER สูงแล้วแพงกว่าเยอะ ต้องคุ้มไหม?

แน่นอนว่าเครื่องที่มีค่า SEER สูงๆ มักจะมีราคาสูงกว่าเครื่องรุ่นทั่วไปค่ะ มันเป็นเรื่องปกติของเทคโนโลยีที่ดีกว่าและประหยัดกว่า แต่มันคุ้มไหม? คำตอบคือ "คุ้ม" ถ้าคุณใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ และต้องการประหยัดค่าไฟในระยะยาว ลองคำนวณดูคร่าวๆ ก็ได้ค่ะ ว่าส่วนต่างของราคาเครื่อง กับส่วนต่างของค่าไฟที่ประหยัดได้ในแต่ละเดือน มันจะคืนทุนเมื่อไหร่ ถ้าคืนทุนภายใน 1-3 ปี ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วค่ะ และหลังจากนั้น ทุกๆ เดือนที่เหลือ คุณก็จะได้กำไรจากการประหยัดค่าไฟไปเรื่อยๆ ค่ะ

3 สิ่งน่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่า SEER ที่คุณอาจไม่รู้

การบำรุงรักษาแอร์มีผลต่อค่า SEER หรือไม่?

แน่นอนสิคะ! ใครว่าค่า SEER มันคงที่ตลอดไปก็คิดผิดแล้วนะ ถ้าคุณไม่เคยล้างแอร์เลย ปล่อยให้ฝุ่นจับเต็มคอยล์เย็น คอยล์ร้อน หรือพัดลมสกปรก เครื่องปรับอากาศของคุณก็จะทำงานหนักขึ้น ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำความเย็นให้ได้เท่าเดิม ซึ่งก็หมายความว่าประสิทธิภาพโดยรวม หรือค่า SEER ของมันก็จะลดลงไปด้วยค่ะ ดังนั้น หมั่นล้างแอร์ ตรวจสอบสภาพแอร์สม่ำเสมอ จะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และรักษาค่า SEER ให้ดีอยู่เสมอค่ะ

มาตรฐาน SEER ในประเทศไทยเทียบกับต่างประเทศ?

มาตรฐาน SEER ของไทยยังถือว่าค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับประเทศในโซนที่อากาศร้อนจัดอย่างอเมริกา หรือออสเตรเลีย ซึ่งเขามีการกำหนดค่า SEER ขั้นต่ำสำหรับเครื่องปรับอากาศมานานแล้ว และค่า SEER ที่ถือว่าประหยัดพลังงานได้ดีมากๆ ในระดับสากล อาจจะสูงกว่าค่า SEER สูงสุดที่เราเห็นในตลาดบ้านเราเสียอีกค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรอย่างน้อยตอนนี้เราก็มีตัวเลข SEER มาให้พิจารณาแล้ว และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่มาตรฐานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ค่า SEER กับเทคโนโลยี Smart Control?

เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ๆ บางรุ่นมีฟังก์ชัน Smart Control หรือการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งหลายครั้งฟังก์ชันเหล่านี้ก็ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานด้วย เช่น การตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ การปรับโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ หรือการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องบำรุงรักษา ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถส่งเสริมให้เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูงอยู่แล้ว ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับค่า SEER

ค่า SEER ที่สูงที่สุดในตลาดตอนนี้มีค่าเท่าไหร่?

โอ๊ย... คำถามนี้เหมือนจะอยากรู้นะ แต่ก็ไม่ได้จะซื้ออยู่ดีใช่ไหมล่ะ? เอาเป็นว่า ในตลาดบ้านเราตอนนี้ เครื่องปรับอากาศรุ่นท็อปๆ ที่เน้นประหยัดพลังงานมากๆ ก็จะมีค่า SEER อยู่ที่ประมาณ 20 ขึ้นไปค่ะ บางรุ่นอาจจะถึง 24 หรือ 25 ด้วยซ้ำไป แต่มักจะเป็นรุ่นที่มีราคาสูงลิ่วเลยนะ และบางทีอาจจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศด้วย ถ้าอยากได้จริงๆ ก็ลองไปส่องตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ หรือเว็บไซต์ของผู้ผลิตดูค่ะ แต่ถ้าให้ฉันแนะนำนะ เอาแค่ SEER 15-18 ก็เพียงพอแล้วสำหรับบ้านเรา ถ้าไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณจริงๆ ค่อยไปมองตัวเลขที่สูงกว่านั้นค่ะ เพราะราคามันจะโดดไปไกลมากกกก

ฉันควรเปลี่ยนแอร์ใหม่ทันที หากแอร์เก่ามีค่า SEER ต่ำหรือไม่?

ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณพี่! ไม่ใช่ว่าเห็นค่า SEER แล้วต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนแอร์ทันทีหรอกนะ ถ้าแอร์เก่าของคุณยังทำงานได้ดี ไม่ได้มีปัญหาเรื่องค่าไฟที่พุ่งสูงจนน่าตกใจ หรือไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลืองไฟมากกว่าปกติ ก็ใช้ไปก่อนเถอะค่ะ มันก็เหมือนกับรถยนต์นั่นแหละ ถ้ามันยังวิ่งได้ดีอยู่ จะไปเปลี่ยนคันใหม่ทำไมให้เสียเงิน? แต่ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่า ค่าไฟมันกินงบประมาณไปมากจริงๆ หรือแอร์เก่าเริ่มมีปัญหาซ่อมบ่อยๆ นั่นแหละ คือสัญญาณที่ควรพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแอร์ใหม่ แล้วมองหาเครื่องที่มีค่า SEER สูงๆ มาทดแทนค่ะ

เครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก (เช่น แอร์เคลื่อนที่) มีค่า SEER ด้วยหรือไม่?

อืม… เป็นคำถามที่น่าสนใจดีนะ เพราะปกติเราจะคุ้นเคยกับค่า SEER บนเครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง หรือแบบตั้งพื้นมากกว่า แต่จริงๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศทุกประเภทที่มีการใช้พลังงานเพื่อทำความเย็น ก็ควรจะมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพพลังงานของมันค่ะ สำหรับเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ หรือแอร์ขนาดเล็กมากๆ บางรุ่น อาจจะไม่ได้มีระบุค่า SEER ที่ชัดเจนแบบเดียวกับแอร์บ้านทั่วไป แต่ก็อาจจะมีค่าอื่นที่คล้ายคลึงกัน หรือมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กำกับอยู่ ซึ่งเราก็สามารถใช้เกณฑ์การประหยัดพลังงานตามฉลากนั้นๆ เป็นตัวตัดสินเบื้องต้นได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปได้ การเลือกเครื่องที่ระบุค่า SEER ชัดเจน จะช่วยให้เราเปรียบเทียบได้ง่ายกว่าค่ะ

มีวิธีคำนวณค่า SEER ด้วยตัวเองง่ายๆ ไหม?

ถ้าอยากจะคำนวณเองแบบเป๊ะๆ เลยเนี่ย ก็ต้องใช้ข้อมูลการใช้พลังงานจริงในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งอาจจะยุ่งยากหน่อยค่ะ เพราะมันต้องวัดปริมาณความเย็นที่เครื่องทำได้จริงๆ ด้วย ซึ่งเครื่องวัดพวกนี้ก็ราคาแพงหรอกนะ! แต่ถ้าอยากลองคำนวณแบบคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพ ก็อาจจะลองดูจากข้อมูลจำเพาะของเครื่องที่ผู้ผลิตระบุไว้ค่ะ โดยปกติ ค่า SEER จะคำนวณจาก “ปริมาณความเย็นทั้งหมดที่ทำได้ตลอดฤดูกาล” หารด้วย “ปริมาณพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในช่วงฤดูกาลนั้น” ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักจะอยู่ในคู่มือ หรือเว็บไซต์ของผู้ผลิตค่ะ

แต่เอาเข้าจริงๆ นะคะ คุณไม่จำเป็นต้องไปคำนวณอะไรให้ปวดหัวขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ดูที่ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และดูที่ตัวเลขค่า SEER ที่ระบุไว้ตรงๆ เลย ถ้าเครื่องไหนตัวเลขสูงกว่า ก็แสดงว่ามันประหยัดกว่า แค่นั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ อย่าไปคิดมากให้เสียเวลาเลยนะ

ค่า SEER สูงสุดที่ประหยัดได้จริง ต้องใช้ควบคู่กับอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูงที่สุดในโลกมาแล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าคุณจะประหยัดไฟได้เต็มที่หรอกนะ ถ้าคุณยังเปิดแอร์เหมือนเดิม คือเปิดทิ้งเปิดขว้าง เปิดทั้งวันทั้งคืนโดยไม่จำเป็น หรือตั้งอุณหภูมิต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเครื่องทำงานหนักเกินไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไรค่ะ

การจะรีดประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานสูงสุดออกมาได้จริงๆ คุณต้องใช้ควบคู่กับการใช้งานที่ถูกต้องด้วยค่ะ เช่น ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม (ประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส ก็กำลังดีแล้ว ไม่ต้องหนาวจนขนลุกหรอกนะ!) เปิด-ปิดแอร์ตามความจำเป็น หมั่นทำความสะอาดแอร์ และเลือกขนาด BTU ที่เหมาะสมกับห้องของคุณด้วยนะคะ มันเป็นแพ็กเกจที่ต้องไปด้วยกันทั้งหมดค่ะ!

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าเชื่อถือ

เว็บไซต์กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)

ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบทางการ แบบเป๊ะๆ ที่สุด ก็ต้องไปดูที่เว็บไซต์ของ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เลยค่ะ ที่นี่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานต่างๆ การประหยัดพลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้ฉลากเบอร์ 5 รวมถึงข่าวสารอัปเดตต่างๆ เกี่ยวกับพลังงานในประเทศไทยค่ะ คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ พพ.

เว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค / การไฟฟ้านครหลวง

หน่วยงานการไฟฟ้าทั้งสองแห่งนี้ มักจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอค่ะ อาจจะมีบทความ หรือคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงเครื่องปรับอากาศ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น ลองเข้าไปหาข้อมูลดูนะคะ คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์การไฟฟ้านครหลวง



*   ค่า SEER มีผลต่อการประหยัดพลังงานในระยะยาวอย่างไร?

URL หน้านี้ คือ > https://th9.co.in/1752316815-etc-th-news.html

catalog
etc


LLM




Ask AI about:

Eco_Green_Revival